ความรู้เกี่ยวกับอิเล็คทรอนิกส์ที่นี่

วงจรจูน

| วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553


วงจรจูนที่ประกอบด้วยตัวเก็บประจุและตัวเหนี่ยวนำมาต่อขนานกัน เมื่อตัวเก็บประจุได้รับการชาร์จประจุเต็มแล้วและเมื่อต่อเข้ากับตัวเหนี่ยวนำไฟฟ้าก็จำทำให้ประจุไฟฟ้าในวงจรเกิดการเคลื่อนที่ไปมา การปรับค่า C,L ในวงจรนั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของวงจร การรับส่งสัญญาณได้ดีนั้น จะต้องปรับความถี่ของวงจรจูนของเครื่องรับและวงจรจูนของเครื่องส่งให้เท่ากัน ซึ่งมีสมการดังนี้

การสื่อสารทางสาย

| วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การสื่อสารโทรคมนาคมของมนุษย์นั้นเป็นการสื่อสารซึ่งทำได้ทั้งแบบทางภาพ เสียง รวมทั้งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยตัวกลางในการสื่อสารเพื่อทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อติดต่อสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งสายส่งสัญญาณนั้นก็เป็นตัวเชื่อมต่อสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น สายไฟ สายลำโพง สายไมโครโฟน เป็นต้น ซึ่งสายส่งสัญญาณมีอยู่หลายแบบและมีความแตกต่างกันในการใช้งาน
1.สายเดี่ยว(Single Line) เป็นสายเชื่อมต่อเส้นเดียว มักใช้งานในย่านความถี่ต่ำเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องส่งและเครื่อรับ
2.สายตีเกลียว(Twist Pair Line) เป็นสายสองเส้นตีเกลียวกันอยู่ สายส่งสัญญาณชนิดนี้ใช้งายในย่านความถี่ต่ำ
3.สายสองเส้นคู่ขนาน(Parallel Two-Wire Line) เป็นสายสองเส้นวางขนานกันอยู่ ใช้งานได้ดีกับย่านความถี่ต่ำ
4.สายโคแอกเชียล(Coaxial Line) เป้นสายส่งสัญญาณที่มีเส้นลวดตัวนำหนึ่งเส้นอยู่ตรงกลางหุ้มด้วยฉนวนมีลวดชิลด์หุ้มฉนวนและมีฉนวนชิลด์หุ้มอีกต่อหนึ่ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปภายนอกและป้องกันการลบกวนของสัญญาณไฟฟ้าจากภายนอก ใช้งานในย่านความถี่ VHFและUHF
5.สายคู่มีกำบัง(Shield Pair Line) มีโครงสร้างเหมือนกับสายโคแอกเชียลแต่จะมีเส้นลวดตัวนำอยู่ภายในสองเส้น มักใช้งานในย่านความถี่สูง
6.สายแบบสองท่อน(Strip Line) เป็นสายที่มีสายตัวนำสองตัวว่อนกันอยู่เป็นสองท่อนสี่เหลี่ยมมีฉนวนหุ้มระหว่างกัน ตรงกลางจะมีลวดตัวนำเส้นเดี่ยวที่มีฉนวนหุ้มและหุ้มด้วยตัวนำซ้อนอีกชั้นหนึ่ง มักนำมาใช้งานในย่านความถี่สูงๆ
7.เวฟไกด์(Wave Guide) มักนำมาใช้งานในย่านความถี่ไมโครเวฟ เป็นสายส่งสัญยาณแบบท่อนำคลื่นเคลือบด้วยวัสดุนำไฟฟ้า

ประเภทของสัญญาณที่ใช้ในระบบสื่อสาร

| วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ระบบการสื่อสารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.ระบบสื่อสารแบบอนาลอก การสื่อสารทางอนาลอกจะมีระดับสัญญาณหรื่อแอมพลิจูดเปลี่ยนแปลงตามระดับความดังของเสียง อีกทั้งมีความถี่เปลี่ยนแปลงตามเสียงแหลมทุ้มที่เข้ามาอีกด้วย การสื่อสารที่ใช้ระบบนี้ยกตัวอย่างเช่น การกระจายเสียงวิทยุ AM FM ที่เราได้ยินได้ฟังกันในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังการสื่อสารทางโทรศัพท์และการสื่อสารทางวิทยุโทรทัศน์ก็เป็นการสื่อสารแบบอนาลอกด้วย ซึ่งการสื่อสารแบบอนาลอกนั้นจะใช้แบบ Broad Band

2.การสื่อสารแบบดิจิตอล การสื่อสารชนิดนี้จะส่งข้อมูลเป็นดิจิตอล ซึ่งมีความแรงสัญญาณสองระดับคือ "0" และ "1" โดยมีความถี่คงที่ค่าหนึ่งตลอดเวลา ตัวอย่างการสื่อสารที่ใช้ระบบแบบดิจิตอล ยกตัวอย่างเช่น ระบบมือถ์อแบบดิจิตอล การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งการสื่อสารแบบดิจิตอลนั้นจะใช้แบบ Base Band

องค์ประกอบพื้นฐานของระบบการสื่อสาร

|
องค์ประกอบพื้นฐานของระบบการสื่อสารมีดังนี้
1.ผู้ส่ง(Sender) เป็นแหล่งกำเนิดข้อมูลข่าวสาร เช่น สัญญาณภาพ สัญญาณเสียง เป็นต้น ทำหน้าที่ส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆไปยังผู้รับ
2.การเข้ารหัส(Encoding) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลข่าวสารที่เข้ามาเป็นสัญญาณทางไฟฟ้า แล้วส่งไปยังผู้รับปลายทาง แต่ต้องผ่านการแปลงกลับเป็นข้อมูลข่าวสารก่อน
3.ช่องทางการสื่อสาร(Communication Channel) เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อการสื่อสาร
4.การถอดรหัส(Decoding) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้าเป็นข้อมูลข่าวสารซึ่งได้จากการเข้ารหัสส่งมา
5.สัญญาณรบกวน(Noise) เป็นสัญญาณที่มีในธรรมชาติ มาเพื่อก่อกวนและลดทอนสัญญาณที่เราส่งไป ทำให้เกิดการผิดเพี้ยน
6.ผู้รับข่าวสาร(Receiver) รับข่าวสารที่ส่งมาจากผู้ส่ง ซึ่งตัวผุ้รับข่าวสารและจะต้องเข้าใจตรงกันกับผู้ส่งข่าวสารด้วย

ชนิดของการสื่อสาร

|
ชนิดของการสื่อสาร
ระบบของการสื่อสารนั้นประกอบไปด้วย ผู้ส่งสาร ตัวเชื่อมต่อ เครื่องส่ง เครื่องรับและผู้รับสาร
การสื่อสารแบ่งออกตามรูปแบบของการเชื่อมต่อได้ดังนี้

1.การสื่อสารแบบไร้สาย(Wireless)
การสื่อสารแบบไร้สาย จะอาศัยตัวกลางที่ไม่ใช้สายในการติดต่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับ มีความสะดวกสะบาย มีความประหยัดเพราะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินสายและไม่มีความยุ่งยากอีกด้วย
2.การสื่อสารทางสาย(Wired)
กอารสื่อสารทางสาย จะอาศัยตัวกลางที่มีลักษณะเป็นสายเชื่อมต่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับเพื่อการสื่อสารคมนาคมที่เรารู้จักกันเห็นๆเลย เครื่อข่ายโทรศัพท์และโทรเลข เป็นต้น

เราสามารถแบ่งระบบสื่อสารได้ 3 ประเภท
-การสื่อสารทางเดียว(Simplex System) การสื่อสารนี้เป็นการสื่อสารแบบทิศทางเดียว คือ ส่งได้ทิศทางเดียว ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสียงตามสาย
-การสื่อสารสองทางเต็มรูปแบบ(Full Duplex System)หรือการสื่อสารสองทาง ผู้ส่งและผู้รับสามารถสื่อสารพร้อมกันได้พร้อมๆกัน โต้ตอบกันได้ เช่น ระบบโทรศัพท์
-การสื่อสารสองทางครึ่งรูปแบบ(Half Duplex System) ปลายทางแต่ละด้านสามารถสื่อสารกันได้แต่ต้องสัลบกัน เช่น วิทยุสมัครเล่น

Protel99SE ตอนที่ 13 การเชื่อมสายสัญญาณ

| วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การเชื่อมสายสัญญาณสามารถทำได้4วิธีดังนี้
1.กดปุ่ม P->W ตามลำดับ

2.คลิกที่ปุ่ม

3.คลิกขวาบนพื้นที่ทำงานแล้วเลือก Place Wire

4.ที่เมนูเลือกไปที่ Place->Wire

หลังจากนั้นเราก็นำ Wire ไปคลิกที่เชื่อมต่อจุดที่เราต้องการ

Protel99SE ตอนที่ 12 จัดลำดับอุปกร์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

|

ในการเขียนวงจรอาจทำให้เกิด Errorขึ้น หากตัวอุปกรณ์ซ้ำกันได้ และอุปกรณ์อาจมีหลายตัวเราสามารถประหยัดเวลในการจัดลำดับอุปกร์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติได้ดังนี้
1.จากรูปข้างบนจะมีอุปกรณ์ 2 ตัวที่มีชื่อเดียวกัน จากนั้นให้คลิกที่ Tools->Annotate
2.ที่ช่อง Annotate Option เลือก ? Past แล้วเลือกรูปแบบการจัดเรียงลำดับแล้วกด OK
3.โปรแกรมจะแสดงรายงานการเรียงลำดับขึ้นมาและตัวอุปกรณ์ของเราก็จะถูกเรียงลำดับโดยอัตโนมัติ

Protel99SE ตอนที่ 11 การคัดลอกอุปกรณ์

|

การคัดลอกอุปกรณ์ในโปรแกรม Protel99SE สามารถทำได้ดังนี้

วิธีที่1
1.ลากเม้าส์คลุปอุปกรณ์ที่ต้องการคัดเลือกจนเป็นกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลือ
2.หลังจากนั้นคลิกที่เมนู Edit>Copy จนเป็นรูปกากบาทติดมากับเม้าส์
3.นำมาคลิกที่อุปกรณ์ที่ต้องการคัดลอกจนรูปกากบมนูาทหายแล้วคลิก Edit>Copy Psate อุปกรณ์ที่เราต้องการคัดลอกจะลอยติดกับเม้าส์เรามาแล้วนำมาบริเวณที่เราต้องการวาง

4.คลิกที่ปุ่ม กรอบสีเหลืองก็จะหายไป
วิธีที่2
1.กดคีย์ "shift"ค้างแล้วนำไปคลิกที่อุปกรณ์ที่เราเลือกจนเป็นกรอบสีเหลืองๆ
2.กดปุ่ม "Ctrl+C" จนเป็นรู)กากบาท
3.คลิกลงที่อุปกรณ์ที่เราต้องการคัดลอกอีกทีแล้วกด "Ctrl+P" อุปกรณ์ก็จะลอยติดกับเม้าส์เรามา ให้นำไปวางบริเวรที่เราต้องการ
4.กดปุ่ม E>E>A ตามลำดับเพื่อให้กรอบสีเหลืองหาย

Protel99SEตอนที่10 การกำหนดค่าให้ตัวอุปกรณ์

| วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวอุปกรณ์ หรือกดปุ่มคีย์ Tab เมื่ออุปกรณ์ลอยติดอยู่กับเม้าส์
-ช่อง Desingnator ให้ใส่ลำดับอุปกรณ์(ห้ามใส่ลำดับซ้ำกันในกรณีที่มีอุปกรณ์ 2 ตัวขึ้นไป)
-ช่อง Part Type ให้ใส่ค่าและเบอร์อุปกรณ์
นอกจาหนี้หน้าต่างนี้ยังแสดงค่าปกติและชื่อขาอุปกรณ์อีกด้วย


protel99SEตอนที่9 การหมุนอุปกรณ์และการเปลี่ยนแกนอุปกรณ์

|
การหมุนอุปกรณ์
การหมุนอุปกรณ์ก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยการเอาเม้าส์ไปคลิกที่ตัวอุปกรณ์แล้วกดปุ้ม"Spacebar" หนึ่งครั้งจะหมุนได้ 90 องศา
การเปลี่ยนแกนอุปกรณ์
คลิกซ้ายที่อุปกรณ์ค้างแล้วทำ การกดคีย์ X เพื่อเปลี่ยนแกนในแนวนอน กดคีย์ Y เพื่อเปลี่ยนแกนในแนวตั้ง

protel99SEตอนที่8 การวางอุปกรณ์และ การลบอุปกรณ์

|

การวางอุปกรณ์
หลังจากที่เราได้เลือกอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราคลิกปุ่ม Place อุปกรณ์ก็จะลอยติดกับเม้าส์ สามารถเอาไปวางบนพื้นที่ทำงานได้เลย
การลบอุปกรณ์
คลิกที่ตัวอุปกรณ์จนเป็นเส้นประแล้วกดปุ่ม "Delet" หรือคลิกที่อุปกรณ์รูปกรรไกรซึ่งคือคำสั่ง "Cut" แล้วนำมาคลิกที่ตัวอุปกรณ์ ก็จะทำการลบตัวอุปกรณ์ออกไป