ความรู้เกี่ยวกับอิเล็คทรอนิกส์ที่นี่

ตัวเก็บประจุทำงานอย่างไร

| วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ตัวเก็บประจุเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่มีหลักการทำงานคือ เก็บประจุ ซึ่งมีคุณสมบัติในการรับประจุหรือที่เรียกว่า ชาร์จ(Charge) เมื่อแรงดันภายนอกสูงกว่าแรงดันที่ตกคร่อมตัวเก็บประจุ และจะคายประจุหรือที่เรียกว่า ดิสชาร์จ (Discharge) เมื่อแรงดันตกคร่อมตัวเก็บประจุสูงกว่าแรงดันภายนอก  ซึ่งตัวเก็บประจุมีหลายชนิด มีแบบไม่มีขั้วและไม่มีขั้ว ยิ่งตัวเก็บมีค่าสูงๆช่วงเวลาเก็บและคายประจุก็จะยาวนานขึ้น ตัวเก็บประจุมีหน่วยเป็น ฟารัด ใช้อักษรย่อ F
โครงสร้างของตัวเก็บประจุ ประกอบด้วยแผ่นตัวนำหรือเรียกว่าแผ่น Plate สองแผ่นวางขนานกัน ซึ่งระหว่างแผ่นสองแผ่นนี้จะมีฉนวนไฟฟ้าไดอิเล็คตริก คั่นอยู่ ฉนวนพวกนี้จะไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านแต่จะมีประจุสะสมตรงแผ่นที่กั้นด้วยฉนวน

LDR คืออะไร

|
LDR คือ ตัวต้านทานชนิดหนึ่งหรือเรียกอีกอย่างว่าตัวต้านทานแปลค่าตามแสง
หลักการทำงานของ LDR คือ เมื่อถูกแสงตัว LDR จะมีความต้านทานลดลงและเมื่อไม่ถูกแสงตัว LDR จะมีความต้านทานมากขึ้น
LDR ย่อมาจาก Light Dependet Resistor แต่ในวงการอิเล็คทรอนิกส์จะเรียกอุปกรณ์ตัวนี้สั้นๆง่ายๆว่า LDR
องค์ประกอบของ LDR จะประกอบด้วย สารกึ่งตัวนำ เช่น แคดเมียมซัลไฟด์และแคดเมียมซิลิไนด์ ซึ่งเป็นสารที่มีการตอบสนองความยาวคลื่นแสง ฉาบอยู่เป็นเส้นลักษณะเป็นขดๆ คดเคี้ยวไปมาเป็นฐานเซรามิก LDR จะมีสองขั้ว ซึ่งมีค่าความต้านทานภายในตัว เปลี่ยนแปลงค่าได้ตามแสงที่ตกลงมากระทบ

ตัวต้านทานทำงานอย่างไร?

| วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตัวต้านทานนั้นมีหน้าที่ในการจำกัดกระแสที่ไหลในวงจร ไม่ให้มีมากเกินไป หรือเพื่อป้องกันอุปกรณ์เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากกระแสหรือแรงดันที่มีมากเกินไปนั้นเอง ตัวต้านทานมีหลายชนิด เช่น ตัวต้านทานแบบคงที่ ตัวต้านทาน แบบปรับค่าได้และตัวต้านทานแบบเลือกค่าได้ ซึ่งตัวต้านทานที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ ตัวต้านทานแบบปรับค่าได้ ซึ่งตัวต้านทานนั้นจะมีค่าเป็นโอห์ม ซึ่งมาจากชื่อของ ยอร์จ ซีมอน โอห์ม ซึ่งเขาเป็นผู้คิดค้นกฏของโอห์มขึ้นมาในวงจรอิเล็คทรอนิกส์ จะแทนด้วยอักษรกรีกโบราณคือ โอเมก้า  ตัวต้านทานทำจากผงคาร์บอน หรือผงถ่านที่นำไฟฟ้าได้ มาอัดรวมกับซิลิก้าและสารผสมทำหน้าที่ยึดคล้ายกาวและมีขาตัวนำเชื่อมที่ปลายทั้งสองข้าง ถ้าต้องการให้ตัวต้านทานนำไฟฟ้ามากๆก็ให้ผสมผงถ่านเยอะๆ ถ้าต้องการให้ความต้านทานนำไฟฟ้าน้อยๆก็ผสมผงถ่านน้อยๆ ตัวต้านทานมีมากมายหลายค่าหลายขนาดอยู่ที่การเลือกใช้ มีอัตตราการทนกำลังและขนาดที่แตกต่างกัน บางตัวก็พิมพ์ค่าลงบนตัวถังเลยและบางตัวก็จะบอกค่ามาเป็นแถบสี

วงจรจูน

| วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553


วงจรจูนที่ประกอบด้วยตัวเก็บประจุและตัวเหนี่ยวนำมาต่อขนานกัน เมื่อตัวเก็บประจุได้รับการชาร์จประจุเต็มแล้วและเมื่อต่อเข้ากับตัวเหนี่ยวนำไฟฟ้าก็จำทำให้ประจุไฟฟ้าในวงจรเกิดการเคลื่อนที่ไปมา การปรับค่า C,L ในวงจรนั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของวงจร การรับส่งสัญญาณได้ดีนั้น จะต้องปรับความถี่ของวงจรจูนของเครื่องรับและวงจรจูนของเครื่องส่งให้เท่ากัน ซึ่งมีสมการดังนี้

การสื่อสารทางสาย

| วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การสื่อสารโทรคมนาคมของมนุษย์นั้นเป็นการสื่อสารซึ่งทำได้ทั้งแบบทางภาพ เสียง รวมทั้งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยตัวกลางในการสื่อสารเพื่อทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อติดต่อสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งสายส่งสัญญาณนั้นก็เป็นตัวเชื่อมต่อสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น สายไฟ สายลำโพง สายไมโครโฟน เป็นต้น ซึ่งสายส่งสัญญาณมีอยู่หลายแบบและมีความแตกต่างกันในการใช้งาน
1.สายเดี่ยว(Single Line) เป็นสายเชื่อมต่อเส้นเดียว มักใช้งานในย่านความถี่ต่ำเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครื่องส่งและเครื่อรับ
2.สายตีเกลียว(Twist Pair Line) เป็นสายสองเส้นตีเกลียวกันอยู่ สายส่งสัญญาณชนิดนี้ใช้งายในย่านความถี่ต่ำ
3.สายสองเส้นคู่ขนาน(Parallel Two-Wire Line) เป็นสายสองเส้นวางขนานกันอยู่ ใช้งานได้ดีกับย่านความถี่ต่ำ
4.สายโคแอกเชียล(Coaxial Line) เป้นสายส่งสัญญาณที่มีเส้นลวดตัวนำหนึ่งเส้นอยู่ตรงกลางหุ้มด้วยฉนวนมีลวดชิลด์หุ้มฉนวนและมีฉนวนชิลด์หุ้มอีกต่อหนึ่ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปภายนอกและป้องกันการลบกวนของสัญญาณไฟฟ้าจากภายนอก ใช้งานในย่านความถี่ VHFและUHF
5.สายคู่มีกำบัง(Shield Pair Line) มีโครงสร้างเหมือนกับสายโคแอกเชียลแต่จะมีเส้นลวดตัวนำอยู่ภายในสองเส้น มักใช้งานในย่านความถี่สูง
6.สายแบบสองท่อน(Strip Line) เป็นสายที่มีสายตัวนำสองตัวว่อนกันอยู่เป็นสองท่อนสี่เหลี่ยมมีฉนวนหุ้มระหว่างกัน ตรงกลางจะมีลวดตัวนำเส้นเดี่ยวที่มีฉนวนหุ้มและหุ้มด้วยตัวนำซ้อนอีกชั้นหนึ่ง มักนำมาใช้งานในย่านความถี่สูงๆ
7.เวฟไกด์(Wave Guide) มักนำมาใช้งานในย่านความถี่ไมโครเวฟ เป็นสายส่งสัญยาณแบบท่อนำคลื่นเคลือบด้วยวัสดุนำไฟฟ้า

ประเภทของสัญญาณที่ใช้ในระบบสื่อสาร

| วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ระบบการสื่อสารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.ระบบสื่อสารแบบอนาลอก การสื่อสารทางอนาลอกจะมีระดับสัญญาณหรื่อแอมพลิจูดเปลี่ยนแปลงตามระดับความดังของเสียง อีกทั้งมีความถี่เปลี่ยนแปลงตามเสียงแหลมทุ้มที่เข้ามาอีกด้วย การสื่อสารที่ใช้ระบบนี้ยกตัวอย่างเช่น การกระจายเสียงวิทยุ AM FM ที่เราได้ยินได้ฟังกันในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังการสื่อสารทางโทรศัพท์และการสื่อสารทางวิทยุโทรทัศน์ก็เป็นการสื่อสารแบบอนาลอกด้วย ซึ่งการสื่อสารแบบอนาลอกนั้นจะใช้แบบ Broad Band

2.การสื่อสารแบบดิจิตอล การสื่อสารชนิดนี้จะส่งข้อมูลเป็นดิจิตอล ซึ่งมีความแรงสัญญาณสองระดับคือ "0" และ "1" โดยมีความถี่คงที่ค่าหนึ่งตลอดเวลา ตัวอย่างการสื่อสารที่ใช้ระบบแบบดิจิตอล ยกตัวอย่างเช่น ระบบมือถ์อแบบดิจิตอล การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งการสื่อสารแบบดิจิตอลนั้นจะใช้แบบ Base Band

องค์ประกอบพื้นฐานของระบบการสื่อสาร

|
องค์ประกอบพื้นฐานของระบบการสื่อสารมีดังนี้
1.ผู้ส่ง(Sender) เป็นแหล่งกำเนิดข้อมูลข่าวสาร เช่น สัญญาณภาพ สัญญาณเสียง เป็นต้น ทำหน้าที่ส่งข้อมูลข่าวสารต่างๆไปยังผู้รับ
2.การเข้ารหัส(Encoding) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลข่าวสารที่เข้ามาเป็นสัญญาณทางไฟฟ้า แล้วส่งไปยังผู้รับปลายทาง แต่ต้องผ่านการแปลงกลับเป็นข้อมูลข่าวสารก่อน
3.ช่องทางการสื่อสาร(Communication Channel) เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อการสื่อสาร
4.การถอดรหัส(Decoding) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้าเป็นข้อมูลข่าวสารซึ่งได้จากการเข้ารหัสส่งมา
5.สัญญาณรบกวน(Noise) เป็นสัญญาณที่มีในธรรมชาติ มาเพื่อก่อกวนและลดทอนสัญญาณที่เราส่งไป ทำให้เกิดการผิดเพี้ยน
6.ผู้รับข่าวสาร(Receiver) รับข่าวสารที่ส่งมาจากผู้ส่ง ซึ่งตัวผุ้รับข่าวสารและจะต้องเข้าใจตรงกันกับผู้ส่งข่าวสารด้วย

ชนิดของการสื่อสาร

|
ชนิดของการสื่อสาร
ระบบของการสื่อสารนั้นประกอบไปด้วย ผู้ส่งสาร ตัวเชื่อมต่อ เครื่องส่ง เครื่องรับและผู้รับสาร
การสื่อสารแบ่งออกตามรูปแบบของการเชื่อมต่อได้ดังนี้

1.การสื่อสารแบบไร้สาย(Wireless)
การสื่อสารแบบไร้สาย จะอาศัยตัวกลางที่ไม่ใช้สายในการติดต่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับ มีความสะดวกสะบาย มีความประหยัดเพราะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินสายและไม่มีความยุ่งยากอีกด้วย
2.การสื่อสารทางสาย(Wired)
กอารสื่อสารทางสาย จะอาศัยตัวกลางที่มีลักษณะเป็นสายเชื่อมต่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับเพื่อการสื่อสารคมนาคมที่เรารู้จักกันเห็นๆเลย เครื่อข่ายโทรศัพท์และโทรเลข เป็นต้น

เราสามารถแบ่งระบบสื่อสารได้ 3 ประเภท
-การสื่อสารทางเดียว(Simplex System) การสื่อสารนี้เป็นการสื่อสารแบบทิศทางเดียว คือ ส่งได้ทิศทางเดียว ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสียงตามสาย
-การสื่อสารสองทางเต็มรูปแบบ(Full Duplex System)หรือการสื่อสารสองทาง ผู้ส่งและผู้รับสามารถสื่อสารพร้อมกันได้พร้อมๆกัน โต้ตอบกันได้ เช่น ระบบโทรศัพท์
-การสื่อสารสองทางครึ่งรูปแบบ(Half Duplex System) ปลายทางแต่ละด้านสามารถสื่อสารกันได้แต่ต้องสัลบกัน เช่น วิทยุสมัครเล่น

Protel99SE ตอนที่ 13 การเชื่อมสายสัญญาณ

| วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การเชื่อมสายสัญญาณสามารถทำได้4วิธีดังนี้
1.กดปุ่ม P->W ตามลำดับ

2.คลิกที่ปุ่ม

3.คลิกขวาบนพื้นที่ทำงานแล้วเลือก Place Wire

4.ที่เมนูเลือกไปที่ Place->Wire

หลังจากนั้นเราก็นำ Wire ไปคลิกที่เชื่อมต่อจุดที่เราต้องการ

Protel99SE ตอนที่ 12 จัดลำดับอุปกร์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

|

ในการเขียนวงจรอาจทำให้เกิด Errorขึ้น หากตัวอุปกรณ์ซ้ำกันได้ และอุปกรณ์อาจมีหลายตัวเราสามารถประหยัดเวลในการจัดลำดับอุปกร์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติได้ดังนี้
1.จากรูปข้างบนจะมีอุปกรณ์ 2 ตัวที่มีชื่อเดียวกัน จากนั้นให้คลิกที่ Tools->Annotate
2.ที่ช่อง Annotate Option เลือก ? Past แล้วเลือกรูปแบบการจัดเรียงลำดับแล้วกด OK
3.โปรแกรมจะแสดงรายงานการเรียงลำดับขึ้นมาและตัวอุปกรณ์ของเราก็จะถูกเรียงลำดับโดยอัตโนมัติ

Protel99SE ตอนที่ 11 การคัดลอกอุปกรณ์

|

การคัดลอกอุปกรณ์ในโปรแกรม Protel99SE สามารถทำได้ดังนี้

วิธีที่1
1.ลากเม้าส์คลุปอุปกรณ์ที่ต้องการคัดเลือกจนเป็นกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลือ
2.หลังจากนั้นคลิกที่เมนู Edit>Copy จนเป็นรูปกากบาทติดมากับเม้าส์
3.นำมาคลิกที่อุปกรณ์ที่ต้องการคัดลอกจนรูปกากบมนูาทหายแล้วคลิก Edit>Copy Psate อุปกรณ์ที่เราต้องการคัดลอกจะลอยติดกับเม้าส์เรามาแล้วนำมาบริเวณที่เราต้องการวาง

4.คลิกที่ปุ่ม กรอบสีเหลืองก็จะหายไป
วิธีที่2
1.กดคีย์ "shift"ค้างแล้วนำไปคลิกที่อุปกรณ์ที่เราเลือกจนเป็นกรอบสีเหลืองๆ
2.กดปุ่ม "Ctrl+C" จนเป็นรู)กากบาท
3.คลิกลงที่อุปกรณ์ที่เราต้องการคัดลอกอีกทีแล้วกด "Ctrl+P" อุปกรณ์ก็จะลอยติดกับเม้าส์เรามา ให้นำไปวางบริเวรที่เราต้องการ
4.กดปุ่ม E>E>A ตามลำดับเพื่อให้กรอบสีเหลืองหาย

Protel99SEตอนที่10 การกำหนดค่าให้ตัวอุปกรณ์

| วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวอุปกรณ์ หรือกดปุ่มคีย์ Tab เมื่ออุปกรณ์ลอยติดอยู่กับเม้าส์
-ช่อง Desingnator ให้ใส่ลำดับอุปกรณ์(ห้ามใส่ลำดับซ้ำกันในกรณีที่มีอุปกรณ์ 2 ตัวขึ้นไป)
-ช่อง Part Type ให้ใส่ค่าและเบอร์อุปกรณ์
นอกจาหนี้หน้าต่างนี้ยังแสดงค่าปกติและชื่อขาอุปกรณ์อีกด้วย


protel99SEตอนที่9 การหมุนอุปกรณ์และการเปลี่ยนแกนอุปกรณ์

|
การหมุนอุปกรณ์
การหมุนอุปกรณ์ก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยการเอาเม้าส์ไปคลิกที่ตัวอุปกรณ์แล้วกดปุ้ม"Spacebar" หนึ่งครั้งจะหมุนได้ 90 องศา
การเปลี่ยนแกนอุปกรณ์
คลิกซ้ายที่อุปกรณ์ค้างแล้วทำ การกดคีย์ X เพื่อเปลี่ยนแกนในแนวนอน กดคีย์ Y เพื่อเปลี่ยนแกนในแนวตั้ง

protel99SEตอนที่8 การวางอุปกรณ์และ การลบอุปกรณ์

|

การวางอุปกรณ์
หลังจากที่เราได้เลือกอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราคลิกปุ่ม Place อุปกรณ์ก็จะลอยติดกับเม้าส์ สามารถเอาไปวางบนพื้นที่ทำงานได้เลย
การลบอุปกรณ์
คลิกที่ตัวอุปกรณ์จนเป็นเส้นประแล้วกดปุ่ม "Delet" หรือคลิกที่อุปกรณ์รูปกรรไกรซึ่งคือคำสั่ง "Cut" แล้วนำมาคลิกที่ตัวอุปกรณ์ ก็จะทำการลบตัวอุปกรณ์ออกไป

Protel99SE ตอนที่7 การย่อขยายพื้นที่ทำงาน

| วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553
การย่อขยายพื้นที่ทำงานจะทำให้เราสามารถมองเห็นอุปกรณ์ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในโปรแกรม Protel99SE สามารถทำได้ง่ายมากๆ เพียงแค่เราเอาเมาส์ไปวางไว้ในพื้นที่ๆที่เราต้องการขยาย หากเราต้องการขยายพื้นที่ทำงานให้กดคีย์ pg up หากเราต้องการย่อพื้นที่ทำงานให้เรากดคีย์ pg dn นอกจากนี้เรายังสามารถดูอุปกรณ์ทั้งหมดที่อยู่บนกระกาษได้โดยกดคีย์ Z,A

สอน Protel99sE ตอนที่6 การค้นหาอุปกรณ์อัตโนมัติ

| วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553
ในการหาอุปกรณ์ต่างๆเราต้องเลื่อนแถบเพื่อหาทีละตัว แต่ไลบรารีมีจำนวนมากมายนัก ยากต่อการค้นหา แต่จะง่ายมากหากเรารู้จักชื่อของอุปกรณ์นั้นๆ จะได้ วันนี้เราจะมาค้นหาอุปกรณ์อัตโนมัติในโปรแกรม Protel99sE กันครับไม่ต้องเสียเวลาค้นหาทีละตัว มี2วิธี โดยมีขั้นตอนดังนี้

สอนการใ้ช้งาน Protel99SE ตอนที่5 การถอนไลบรารีออก

| วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553
การออกแบบลายวงจรพิมพ์ด้วยโปรแกรม Protel99SE เมื่อตอนที่4 เราได้สอนการติดตั้งไลบรารีลงไปแล้วเมื่อเรารู้การติดตั้งไลบรารีเราก็ต้องรู้วิธีในการเอาไลบรารีออกด้วย ซึ่งไม่ยุ่งยากเลย

การใช้งาน Protel99SE ตอนที่4 การติดตั้งไลบรารีเพิ่ม

|
มาถึงตอนที่4แล้วนะครับกับการใช้งาน Protel99SE เป็นอีกแนวทางหนึ่งของผู้ที่สนใจออกแบบลายวงจรพิมพ์ด้วยโปรแกรม Protel99SE

จากตอนที่3 ที่เราทำการเปิดโปรแกรมสร้างไฟล์ Schematic กันเป็นที่เรียนร้อยแล้วทางด้านซ้าย เราจะเห็นได้ว่าเรานั้นมีเพียงไลบราลีเดียว นั้นก็คือ

การใช้งาน Protel99 SE ตอนที่3 การสร้างไฟล์ Schematic

| วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553
ตอนที่3 สำหรับการเรียนรู้การออกลายวงจรพิมพ์หรือPCB ด้วย Protel99SE กันแล้วนะครับ ซึ่งเราจะสอนการออกแบบลายวงจรพิมพ์ด้วย Protel99SE อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามันจะจบตอนไหน อิอิ ที่ผ่านมา เมื่อเราเทราบถึงองค์ประกอบต่างๆของโปรแกรม Protel99 SE ไปบ้างแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราจะมาสร้างไฟล์ Schematic กันครับสามารถทำได้ดังนี้ครับ

การใช้งาน Protel99 ตอนที่2 องค์ประกอบของไฟล์เอกสาร

| วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เมื่อเราได้สร้างเอกสารขึ้นมาแล้วภายในนี้จะมีแท็บของ Wxample1.Ddb และมี icon อยู่ 3ไอคอน แต่ละ icon มีหน้าที่ดังนี้
-แท็บชื่อไฟล์ เป็นการแสดงชื่อไฟล์ต่างๆที่เราได้เข้าไปดู
-แท็บชื่อเรื่อง แสดงชื่อไฟล์และพื้นที่จัดเก็บไฟล์
-ปุ่มควบคุมไฟล์เอกสาร เป็นปุ่มที่ใช้ควบคุมไฟล์เอกสาร
-พื้นที่ว่าง เป็นพื้นที่สำหรับสร้างไฟล์เอกสารต่างๆ ใช้คำสั่งโดยการคลิกขวาตรงพื้นที่ว่าง
1.Design Team เป็นการกำหนดผู้ร่วมงานในโปรเจ็ค
2.Recycle Bin เป็นพื้นที่สำหรับไฟล์ที่เราได้ลบไป แล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
3.Documents ใช้เก็บไฟล์เอกสารต่างๆที่เราได้สร้างขึ้นมา

การใช้งาน Protel99 ตอนที่1 เริ่มต้นการใช้งาน Protel99

| วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Protel99 เป็นโปรแกรมที่สามารถใช้สร้างวงจร Schematic และออกแบบลายวงจร PCB ที่หลายๆคนในปัจจุบันนิยมเลือกใช้การอย่างแพร่หลาย การเข้าสู่โปรแกรม Protel 99 สามารถทำได้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ icon ของตัวโปรแกรม Protel99
-โปรแกรม Protel99 จะเก็บข้อมูลในการออกแบบไว้ที่ Design Database
-รูปแบบการจัดเก็บไฟล์จะมีสองรูปแบบคือ Ms Access Database เป็นการจัดเก็บไฟล์เอกสารแบบรวมไฟล์ ซึ่งมีนามสกุลเป็น .Ddb และ Windown File System เป็นการจัดเก็บไฟล์เอกสารแบบแยกไฟล์
-ก่อนอื่นเราต้องสร้าง Design Database ไว้เก็บไฟล์เอกสารต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้โดยเลือกที่เมนู File>>New>>แล้วจะปรากฏไดอะล็อคซ์ New Design Database ขึ้นมา

คีย์ลัดพื้นฐานของซอฟต์แวร์ LTspice IV

| วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
-ให้เราเปิดโฟลเดอร์ว่างๆที่ File->New schematic จะได้โฟลเดอร์ว่างๆออกมา



-แล้วเลือกไปที่ Edit->Diode เพื่อเลืกไดโอดมาวางไว้บนพื้นที่ทำงาน เอาล่ะเราจะมาเริ่มทดลองใช้งานแบบคีย์ลัดโดยใช้อุปกรณ์ตัวนี้เป็นตัวทดลอง ซึ่งคำสั่งเหล่านี้จะอยู่ในเมนู Edit

มารู้จักกับโปรแกรมจำลองการทำงานของวงจรอิเล็คทรอนิกส์ LTspice IV

|
LTspice IV เป็นโปรแกรมจำลองการทำงานของวงจรอิเล็คทรอนิกส์ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้กันฟรีๆ ซึ่งเป็นของ บริษัท ลิเนียร์เทคโนโลยี ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ประเภทไอซีออกสู่ท้องตลาดที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นไลบารีส่วนใหญ่ที่อยู่ในโปรแกรมนี้จะสนับสนุนอุปกรณ์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ลิเนียร์เทคโนโลยี ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวซอฟร์แวร์นี้ยังมีอุปกรณ์พื้นฐานทางอิเล็คทรอนิกส์มาให้เราครบ สามารถนำมาใช้งานพื้นฐานทั่วไปได้ในการสร้างวงจรง่ายๆ พร้อมทั้งจำลองการทำงานและแสดงผลออกมาในรูปแบบกราฟ สามารถอ่านค่าได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งในการทดลองและวิเคราะห์วงจรอิเล็คทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี สามารถ Doenlod LTspice IV ได้ที่ www.linear.com